ขาดทุน แต่ได้กำไร

20140205-101046.jpg

ข้าพเจ้าต้องวิ่งขึ้นลงระหว่างเมืองพิทส์เบิร์ก-กรุงวอชิงตัน,ดี.ซี.เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อนำคณะสหภาพสมาคมครูปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทุกวันอังคารเวลา 13.00 น.-14.00 น.(1ชม./ครั้ง)
มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมทางกล่าวแนะนำระหว่างนั่งรถบัสกลับพิทส์เบิร์กว่า ทำไมคุณไม่สอนวันเดียวหรือสองวันให้เสร็จเลย ไม่ต้องเดินทางไปกลับให้เสียเวลาหายครั้ง ข้าพเจ้าฟังแล้วยิ้มๆ
ในสายตาชายคนนั้น ข้าพเจ้าคงเป็นบุคคลแปลกประหลาด คิดไม่เป็น หรือเข้าขั้นขาดทุน(ถ้าคิดแบบนักธุรกิจที่คิดแค่ตัวเลขว่าได้กำไรหรือขาดทุน)
เมื่อคิดถึงชายแปลกหน้าคนนั้นทีไร ทำให้นึกถึงพระพุทธองค์ที่ทรงเสด็จไปโปรดบุคคลต่างๆ เป็นต้นว่า จอมโจรองคุลิมาล ไม่ว่าจะใกล้ไกลเพียงใดก็ไม่ทรงย้อท้อและไม่ทรงคำนึงถึงจำนวนผู้ฟังว่าจะมากน้อยเพียงใด มุ่งแต่ประโยชน์ความสุขของคนๆ นั้นจริงๆ ทรงเป็นแบบอย่างของการทำงานเพื่อประโยชน์ของมวลประชาโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
ข้าพเจ้ายังทราบซึ้งถึงพระบรมราโชวาทของในหลวงที่ทรงพระราชทานแก่คณะรัฐมนตรีและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่า งานบางอย่างดูเหมือนขาดทุน แต่ได้กำไร หรือสำนวนภาษาอังกฤษว่า our loss is our gain ขออธิบายเพิ่มเติมว่า การทำงานบางครั้งจะตัดสินในเชิงธุรกิจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองให้รอบด้าน(the big picture) เช่น การอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม อาจเสียเวลา เสียเงินทอง เป็นต้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาอาจเป็นความสุขใจ และสังคมที่ดีขึ้น กำไรบางอย่างอาจจับต้องไม่ได้เหมือนเงินทอง แต่ไม่ใช่ว่าเราขาดทุน
อีกกรณีหนึ่งที่น่าสนใจคือ บางเมืองเปิดบ่อนคาสิโน เงินไหลเข้ารัฐบาลท้องถิ่นมากมาย รัฐบาลรวยได้กำไรเต็มที่ แต่คุณภาพชีวิตของคนในเมืองนั้นอาจเสียไป เช่น พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูก ผีการพนันเข้าสิง ต้องเสียงาน เสียบ้าน และเสียทุกอย่างในที่สุด
ถ้ามองในมุมของชาวพุทธท่านว่า ชีวิตมีองค์ประกอบหลายส่วนหลายด้านแต่ล้วนเกี่ยวพันกัน การจะดำเนินชีวิตให้มีความสุข ต้องเข้าใจชีวิต
เพียงแต่หวังว่า วันหนึ่งชายแปลกหน้าคนนั้นจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำถึงแม้จะขาดทุนย่อยยับในเชิงธุรกิจ แต่ถ้าครูบางคนสามารถนำสติไปปรับใช้และมีความสุขในชีวิตบ้าง แค่นี้ข้าพเจ้าก็ได้กำไรแล้ว

Leave a comment